การเลือกใช้และการปรับแต่ง Web Application Firewall (WAF) ให้เหมาะสมสำหรับธุรกิจ
21 มิถุนายน 2024
ปัจจุบันเว็บไซต์ถือเป็นสิ่งสำคัญขององค์กรในการเข้าถึงลูกค้า เช่น ใช้เพื่อการสื่อสาร การซื้อ-ขาย รวมไปถึงการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ และในขณะเดียวกัน แอปพลิเคชันส่วนใหญ่ในปัจจุบันก็ทำงานเป็น Web-based Application ดังนั้นผู้ดูแลระบบจำเป็นต้องมีการปกป้องเว็บไซต์และเว็บแอปพลิเคชันอยู่เสมอ เพราะองค์กรของคุณอาจตกเป็นเป้าหมายของอาชญากรทางไซเบอร์เมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจยากที่จะประเมินได้
สำหรับการลงทุนในระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ อย่างเช่น Web Application Firewall (WAF) ก็จะช่วยรับมือ และลดความเสี่ยงภัยคุกคามได้ ดังนั้น การเลือกใช้และปรับแต่ง WAF ให้เหมาะสมกับธุรกิจนั้นจึงสำคัญ โดยมี 4 ขั้นตอนใช้พิจารณาเบื้องต้นดังนี้:
1. วิเคราะห์ความเสี่ยงของธุรกิจอย่างละเอียด
การเริ่มต้นที่ดีสำหรับการเลือกใช้ WAF คือการวิเคราะห์ความเสี่ยงของธุรกิจ เพื่อให้ทราบว่าธุรกิจของคุณมีความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีในลักษณะใดบ้าง การวิเคราะห์นี้ควรพิจารณาถึงลักษณะของธุรกิจ ข้อมูลที่ต้องการป้องกัน และภัยคุกคาม Cyber Attack ที่อาจจะเกิดขึ้น
การวิเคราะห์ความเสี่ยงทางธุรกิจ เบื้องต้นควรเริ่มวิเคราะห์จาก 3 สิ่งดังต่อไปนี้:
- ประเภทของข้อมูล: ธุรกิจควรทำการระบุและจัดหมวดหมู่ข้อมูลที่สำคัญและข้อมูลที่ควรป้องกัน เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ข้อมูลการเงิน ข้อมูลทางการแพทย์ และอื่น ๆ การเข้าใจประเภทของข้อมูลจะช่วยในการกำหนดความสำคัญและมาตรการป้องกันที่เหมาะสม
- ประเภทของการโจมตี: การระบุประเภทของการโจมตีที่เป็นไปได้ เช่น SQL Injection, Cross-Site Scripting (XSS), Cross-Site Request Forgery (CSRF) เป็นต้น การโจมตีใดที่อาจเป็นอันตรายต่อธุรกิจ จำเป็นต้องมีมาตรการป้องกันให้เหมาะสม
- การประเมินผลกระทบ: ธุรกิจควรทำการประเมินความเสี่ยงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากมีการโจมตีสำเร็จ เช่น ความเสียหายทางการเงิน ความเสียหายต่อชื่อเสียงของธุรกิจ และผลกระทบต่อความไว้วางใจของลูกค้า การทำการประเมินนี้จะช่วยให้ธุรกิจเข้าใจถึงความรุนแรงของความเสี่ยงและทำให้สามารถเลือกใช้มาตรการป้องกันที่เหมาะสมได้
2. เลือกประเภทของ WAF (Web Application Firewall) ให้เหมาะสมสำหรับธุรกิจ
เมื่อได้ข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงของธุรกิจแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเลือก WAF ที่เหมาะสมกับความต้องการของธุรกิจ การเลือกแพลตฟอร์ม WAF เพื่อธุรกิจควรพิจารณาโอกาสและความเหมาะสมของแต่ละแพลตฟอร์ม โดยมีตัวเลือกให้เลือกใช้ เช่น Hardware, Virtual Machine, หรือ Cloud SaaS โดยแต่ละแบบมีรายละเอียดที่แตกต่างกันดังนี้:
- WAF hardware appliance – เหมาะสำหรับองค์กรที่มีโครงสร้างระบบความปลอดภัยของตนเอง เช่น มี Network Firewall, IPS, APT, Core Switch แบบ Physical hardware ซึ่งสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ WAF appliance ได้โดยตรง โดยมักใช้โหมด Transparent (Layer 2) และติดตั้งกับ Inline-bypass interface (fail-open) เพื่อความสะดวกในการติดตั้งโดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนแอปพลิเคชันและเครือข่ายที่มีอยู่
- WAF virtual appliance – เหมาะสำหรับโครงสร้างระบบความปลอดภัยที่ใช้งานในรูปแบบ Virtualization อย่างเต็มรูปแบบ เช่น VMware, Microsoft Hyper-V, KVM, AWS, Azure หรือ GCP โดยมักจะติดตั้งในโหมด Reverse Proxy (Layer 3) เนื่องจากไม่มี Inline-bypass interface และบางครั้งอาจจะต้องทำการ Re-routing หรือการเปลี่ยน DNS เพื่อให้ Web Traffic สามารถถูกนำไปสู่ WAF ได้ ข้อดีของ virtual appliance คือมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า สามารถ scalable และบำรุงรักษาได้ง่าย แต่อาจจะมีประสิทธิภาพและความเสถียรภาพที่ต่ำกว่า hardware appliance ที่มี SSL card และทรัพยากรที่จัดสรรมาเพื่อการใช้งานเฉพาะ
- Cloud-WAF (SaaS) เหมาะสำหรับเว็บแอปพลิเคชันที่เป็น Public Internet Facing เพราะว่า Cloud-WAF ง่ายต่อการติดตั้งและใช้งานทันที และมีคุณสมบัติหลากหลาย เช่น API Security, Bot Protection, DDoS Protection และ CDN การใช้งานร่วมกับ WAF appliance ช่วยเพิ่มระดับความปลอดภัยและประสิทธิภาพของเว็บไซต์ได้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ ความลึกของ WAF policy และการทำ Virtual Patching อาจยังไม่เทียบเท่ากับอุปกรณ์ WAF โดยตรง และต้องติดตั้งแบบ Reverse Proxy (Layer 3) ผ่าน CNAME เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การใช้แบบ Hybrid อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจาก Website สามารถตั้งอยู่ได้ในหลายที่และหลายรูปแบบ เช่น On-premise หรือบน Cloud ซึ่งการผสมผสานแพลตฟอร์มสามารถช่วยเพิ่มความเสถียรและป้องกันอย่างเต็มที่ต่อธุรกิจได้ แต่ในสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดกลางที่มีงบประมาณจำกัด WAF ในรูปแบบ Cloud Security จึงเป็นที่นิยม เพราะติดตั้งบน Cloud ใช้งานง่าย ค่าใช้จ่ายไม่แพง ช่วยลดต้นทุนได้ และการเลือก WAF ยังควรพิจารณาถึงคุณสมบัติหลัก ๆ ดังต่อไปนี้
คุณสมบัติที่ควรพิจารณาในการเลือก WAF
- การป้องกันการโจมตี: WAF ควรมีความสามารถในการตรวจจับและป้องกันการโจมตีต่าง ๆ ที่รุนแรง เช่น SQL Injection, Cross-Site Scripting (XSS), Cross-Site Request Forgery (CSRF) และอื่น ๆ โดยมีกฎการกรอง (filtering rules) ที่เข้มงวดและปรับเปลี่ยนได้ตามความเสี่ยง รวมถึงสามารถป้องกันการโจมตีตาม OWASP Top 10 ได้
- Ability of Configuration : WAF ควรมีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งการตั้งค่าเพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะการทำงานของเว็บแอปพลิเคชันของคุณ ซึ่งรวมถึงการกำหนดกฎ (custom filtering rules) และการปรับแต่งการทำงานของ WAF ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของระบบ
- ความง่ายในการใช้งาน: WAF ควรมีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและมีการสนับสนุนที่ดี เพื่อให้ผู้ดูแลระบบสามารถตั้งค่าและดูแลระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องมีความรู้ทางเทคนิคที่ซับซ้อน
- Integration and Compatibility: WAF ควรบูรณาการกับระบบความปลอดภัยอื่น ๆ ที่มีอยู่ในองค์กรได้ เช่น ระบบจัดการเหตุการณ์ และการตรวจจับการบุกรุก (Intrusion Detection and Prevention Systems, IDPS) หรือระบบความปลอดภัยของระบบเครือข่าย (Network Security Systems)
3. Configuration และ Customization WAF ให้ครอบคลุมกับธุรกิจ หลังจากเลือก WAF ที่เหมาะสมแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการ Configuration และ Customization ให้ WAF ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด การปรับแต่ง WAF นี้ควรครอบคลุมถึง:
- การกำหนดนโยบายความปลอดภัย: กำหนดนโยบายความปลอดภัยที่ชัดเจน และเหมาะสมกับเว็บแอปพลิเคชันของคุณ
- Rule Configuration : ปรับแต่งกฎการป้องกันให้เหมาะสมกับลักษณะการทำงานของแอปพลิเคชัน เช่น การป้องกัน SQL Injection, XSS, CSRF และอื่น ๆ
- Threat Detection and Response: กำหนดค่าให้ WAF ให้บันทึกเหตุการณ์การโจมตี เช่น web traffic ประกอบไปด้วย headers, sessions, และ file uploads พร้อมทำการแจ้งเตือนเมื่อมีการโจมตีเกิดขึ้นทันที
4. Monitoring, Training และ Updating WAF อยู่สม่ำเสมอ
เป็นขั้นตอนที่สำคัญในการให้แน่ใจว่า WAF ทำงานได้ตามที่คาดหวัง โดยสามารถป้องกันการโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น การทดสอบและการดูแลรักษา WAF จึงควรคำนึงถึง:
- Monitoring and Alerts: ทดสอบการทำงานของ WAF ด้วยการจำลองการโจมตีในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่า WAF สามารถป้องกันการโจมตีได้
- การอัปเดตและปรับปรุง: ทำการอัปเดตและปรับปรุง WAF อย่างสม่ำเสมอเพื่อให้สามารถป้องกันการโจมตีที่เกิดขึ้นใหม่ได้ ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสำคัญในการป้องกันการโจมตี เนื่องจากการโจมตีมักมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา
การตรวจสอบและวิเคราะห์: ตรวจสอบและวิเคราะห์บันทึกเหตุการณ์การโจมตีเพื่อปรับปรุงการตั้งค่าและการป้องกัน
NT cyfence WAF Services มีบริการ WAF ที่มีคุณสมบัติที่ครอบคลุมและสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับความต้องการของธุรกิจได้ พร้อมทั้งมีทีมผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้คำแนะนำ ช่วยเหลือในการตั้งค่า และปรับแต่ง WAF ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในรูปแบบของ Cloud Security ที่สามารถตรวจจับทุกพฤติกรรมการใช้งาน Web Application ของผู้ใช้ที่เข้ามาในเว็บและช่วยป้องกันภัยคุกคาม Web Application ที่ได้รับการจัดอันดับ 10 อันดับแรกใน OWASP Top 10 โดยไม่ทำให้การใช้งานระบบช้าลงและมีการอัปเดตภัยคุกคามใหม่ ๆ จาก Threat Intelligence อยู่เสมอ ดังนั้นสิ่งที่ลูกค้าจะได้รับจากบริการนี้ คือ ผู้ช่วยตรวจสอบพฤติกรรมผู้ใช้งาน Web Application ที่มีความแม่นยำสูง อีกทั้งยังช่วยป้องกันการโจมตีในรูปแบบ XSS, Injection และ อื่น ๆ แถม ป้องกันได้หลากหลายทั้งเว็บแอปที่พัฒนาเอง และแบบ Open Source รวมทั้ง Plugins จากผู้พัฒนาต่าง ๆ WAF จะช่วยให้ธุรกิจของคุณมีความมั่นคงทางด้านความปลอดภัย และลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตี สิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง บริการ WAF ของทาง NT cyfence ช่วยลดต้นทุนในการลงทุนด้านอุปกรณ์ สามารถเลือกใช้งาน ควบคุมค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมกับขนาดและความต้องการของธุรกิจคุณ โดยคุณไม่จำเป็นต้องมีความรู้ทางด้านเทคนิคก็สามารถทำได้
การเลือกใช้ Web Application Firewall (WAF) ให้เหมาะสมตามความต้องการหรือลักษณะการดำเนินงานของธุรกิจของคุณ จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะอาจทำให้คุณพลาดโอกาสทางธุรกิจหากภัยไซเบอร์โจมตีคุณ ดังนั้นการเลือกใช้ WAF ให้เหมากับธุรกิจ ไปกับทีมงาน NT cyfence นอกจากจะช่วยคุณให้ง่ายต่อการควบคุมดูแลองค์กรแล้ว ยังช่วยให้คุณบริหารจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ มั่นใจในความปลอดภัยของระบบได้อย่างเต็มที่เพียงแค่มี NT cyfence ดูแลคุณ
สำหรับผู้ที่สนใจบริการตรวจสอบระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) อื่น ๆ เพิ่มเติมให้กับองค์กรสามารถติดต่อ NT cyfence ได้ทาง https://www.cyfence.com/contact-us/ หรือโทร 1888
** ในเร็ว ๆนี้ ทาง NT cyfence จะมีแคมเปญ POC WAF ฟรี สำหรับบริษัทที่สนใจเข้าร่วมแคมเปญจำนวน 10 ราย รายละเอียด หากสนใจ ติดตามแคมเปญได้ทาง Facebook Fanpage NT cyfene **
ที่มา: averyittech , go.imperva
บทความที่เกี่ยวข้อง